การทำค้างองุ่น
ค้างองุ่น
ในการทำค้างองุ่น จะทำหลังจากที่ปลูกองุ่นแล้วประมาณ
1 ปี ซึ่งต้นองุ่นจะสูงพอดีที่จะขึ้นค้างได้
ค้างต้นองุ่นมีหลายแบบด้วยกัน แต่แบบที่นิยมกันมากคือ ค้างแบบเสาคู่แล้วใช้ลวดขึง
มีวิธีการและขั้นตอน ดังนี้การเลือกเสาค้าง เสาค้างอาจใช้เสาซีเมนต์หน้า 3 นิ้ว หรือ 4 นิ้วก็ได้
เสาค้างซีเมนต์จะแข็งแรงทนทานอยู่ได้นานหลายปี แต่มีราคาแพงและหนัก
เวลาทำค้างต้องเสียแรงงงานมาก ถ้าใช้เสาไม้ให้ใช้ไม้เนื้อแข็งขนาดหน้า 2x3 นิ้ว หรือหน้า 2 x 4 นิ้ว หรือเสากลมก็ได้
เสาควรยาวประมาณ 2.5-3 เมตร หรือยาวกว่านี้
ซึ่งเมื่อปักลงดินเรียบร้อยแล้ว ให้เหลือส่วนที่อยู่เหนือดินประมาณ 1.50 เมตร
การปักเสา
ให้ปักเป็นคู่ 2 ข้างของแปลงองุ่น ในแนวเดียวกัน โดยให้เสาห่างกัน 2
เมตร และเมื่อติดคานแล้ว ให้เหลือหัวไม้ยื่นออกไปทั้งสองข้าง ๆละ 50 เซนติเมตร ถ้าปักเสาห่างกัน 3 เมตร
เมื่อติดคานบนแล้วจะพอดีหัวไม้ การติดคานเชื่อมระหว่างเสาแต่ละคู่ให้ใช้น๊อตเป็นตัวยึด
ไม่ควรยึดด้วยตะปูเพราะจะไม่แข็งแรงพอ ระยะห่างระหว่างเสาแต่ละคู่ประมาณ 10
- 20 เมตร
ยิ่งปักเสาถี่จะยิ่งแข็งแรงทนทานแต่ก็สิ้นเปลืองมากบางแห่งจึงปักเสาเพียง 3 คู่ คือ หัวแปลง กลางแปลง และท้ายแปลง
และระหว่างเสาแต่ละคู่ให้ค้างไม้รวกช่วยค้ำไว้เป็นระยะๆ
ซึ่งก็สามารถใช้ได้และประหยัดดีแต่ต้องคอยเปลี่ยนค้างไม้รวกบ่อย
การขึงลวด
สำหรับลวดที่ใช้ทำค้างองุ่น
ให้ใช้ลวดขนาดใหญ่พอสมควรคือ ลวดเบอร์ 11
ซึ่งลวดเบอร์ 11 หนัก 1 กิโลกรัม
จะยาวประมาณ 18 เมตร
ให้ขึงลวดพาดไปตามคานแต่ละคู่ตลอดความยาวของแปลง โดยใช้ลวด 4 - 6 เส้น เว้นระยะลวดให้ห่างเท่าๆ กัน
ที่หัวแปลงและท้ายแปลงให้ใช้หลักไม้ขนาดใหญ่ตอกฝังลงไปในดินให้แน่น
แล้วใช้ลวดโยงจากค้างมามัดไว้ที่หลักนี้เพื่อให้ลวดตึง
หลังจากขึงลวดเสร็จแล้วให้ตรวจดูว่าลวดหย่อนตกท้องช้างหรือไม่
ถ้าหย่อนมากให้ใช้ไม้รวกขนาดใหญ่ปักเป็นคู่ตามแนวเสาค้าง
แล้วใช้ไม้รวกอีกอันหนึ่งพาดขวางผูกด้านบนในลักษณะเดียวกับค้าง เพื่อช่วยรับน้ำหนักเป็นระยะๆ
ไปตลอดทั้งแปลง
เพราะเมื่อต้นองุ่นขึ้นค้างจนเต็มแล้วจะมีน้ำหนักมากจำเป็นต้องช่วยรองรับน้ำหนักหรือค้ำยันไว้ไม่ให้ค้างหย่อน